ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

นับ 1ถึง 100 ดับเครื่องชน แง่คิดกลยุทธุการขาย



ดีดี
ดีดี
|3 min read
อ่านบทความอื่นจาก ดีดี
แจ้งตรวจสอบ

นับ 1 ถึง 100 ..ดับเครื่องชน..มัดเด็ดเคล็ดลับ แง่คิดกลยุทธ์วิธีการขาย ที่จะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จ กับ นาข้าวให้คุณ..และคุณ..


Intrend Creator
Intrend Creator
อ่านบทความอื่นจาก Intrend Creator
แจ้งตรวจสอบ

เครดิตภาพโดย: https://www.pexels.com/th-th/@quang-nguyen-vinh-222549

นับ 1 ถึง 100 ..ดับเครื่องชน..มัดเด็ดเคล็ดลับ แง่คิดกลยุทธ์วิธีการขาย ที่จะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จ กับ นาข้าวให้คุณ..และคุณ

(มามะมา..อ่านดู)

          คุณเคยคิดไหมค่ะว่า นอกจากข้าวที่เป็นคุณที่ทำให้เราได้อิ่มท้องแล้ว เวลาคุณออกไปต่างจังหวัดเห็นนาข้าวอันกว้างใหญ่จนสุดลู่หูลู่ตา คุณรู้สึกอย่างไร (อ๊ะๆ..อย่าบอกน่ะค่ะว่า เฉยๆ ถ้าตอบอย่างนี้ผู้เขียนไปต่อไปไม่เป็นแน่เลย..)  มาค่ะมา...มาลองดูกันสิค่ะ..หลับตา..นึก  จินตนาการ ถึงทุ่งนาอันเขียวขจี ลมพัดโชยอ่อนๆ ต้นข้าวพลิ้ว  ปลิวไสว  โบกสะบัดไปมา กระทบเทียบกับแสงแดดอ่อนๆ  ทำให้นาข้าวยิ่งสดสวยเขียวชอุ่ม ชวนน่ามอง ตามมาด้วยอารมณ์ ความรู้สึกที่ชวนให้สดชื่น  สงบ  ร่มเย็น เบาหวิว  ตัวลอย (แฮะๆ  เยอะไปไหมค่ะ) นี่เราแค่คิดเท่านั้นน่ะค่ะ ถ้าได้สัมผัสจริงๆ  รับรองฟินกว่านี้อีกค่ะ (ถ้าเจ้าของอนุญาตให้เราฟินน่ะค่ะ ..55)

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆน้อยๆที่แทรกอยู่ในคุณค่าที่นาข้าวให้กับใจคุณๆ ทั้งหลาย เพราะเป็นเพียงแค่นามธรรมเท่านั้น  ..แล้วรูปธรรมคืออะไรล่ะ.. ไม่ยากค่ะ ก็ที่เราทานข้าวอยู่ทุกวันนี่ไงล่ะค่ะข้าวสวยหอมกรุ่นเครดิตภาพโดย:  https://www.pexels.com/th-th/@catscoming

และเผอิญผู้เขียนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากคุณที่เกิดจากนาข้าวนี้ด้วย ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า สมัยยังเป็นเด็กต้องช่วย พ่อ-แม่ทำนา ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ชาวนานั้นหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เหนื่อยยาก นอกจากจะทำนาในนาของตัวเองแล้ว พ่อของท่านยังรับซื้อข้าวจากชาวนาที่อยู่ระแวกเดียวกันอีกด้วย  การรับซื้อข้าวของพ่อ คือการให้ชาวนาขายข้าวให้ในราคาที่ถูกกว่า ท่าข้าว ..คือ สมมติ ซื้อจากชาวนามาในราคา 47 บาท ต่อ กิโลกรัม จะนำมาขายให้กับท่าข้าวราคา 50 บาท ต่อกิโลกรัม หมายความว่า กำไรส่วนต่างจะอยู่ที่ 3 บาท  ( ผู้เขียนฟังมาถึงตอนนี้..ร้องอ้าว..ขึ้นมาในใจ .กำลังคุยกับพ่อค้าคนกลางหรือนี่.. .. แต่ด้วยมารยาท ..จึงนั่งฟังต่อ(ว่าจะขอลุกขึ้นภายหลังหากมีจังหวะ)....ท่านเล่าต่อว่า ..ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะทำให้ครอบครัวของท่านร่ำรวยขึ้น ( ก็แหงล่ะ ..ผู้เขียนคิดในใจ )..แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา..ท่านว่า..  (เย้ๆๆ..ผู้เขียนคิดอีกแล้วค่ะ) เลิกลาอย่างไรมาฟังกันต่อค่ะ ..วันหนึ่งได้มีบริษัทแห่งหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ และมารับซื้อข้าวจากชาวนาโดยให้ราคาที่ดีกว่า..ไม่ว่าพ่อจะปรับราคาอย่างไร เขาก็จะปรับราคาตามพ่อลงมาและต่ำกว่า และมีโปรโมชั่นที่ดีกว่าตลอด ดังนั้น คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกค้าทั้งหมดเฮโลไปหาบริษัทแห่งนี้จนหมด..ครอบครัวเริ่มกลับมานับ 1 อีกครั้ง..ถามว่าท้อไหม..ตอบเลยว่าท้อ..แต่ด้วยความฮึดสู้ของพ่อ..ซึ่งจบแค่ ป.4 .ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่..คราวนี้ไม่รับซื้อข้าวแล้ว เปลี่ยนใหม่มาเป็นรับขนข้าวแทน..ชาวนาขนข้าวเครดิตภาพโดย : https://www.pexels.com/th-th/@pixabay

แล้วมันดีอย่างไรล่ะ ..มาค่ะมาว่ากันต่อ..ดีตรงที่ว่า ..เปลี่ยนจากพ่อค้าคนกลางกลายมาเป็นพวกเดียวกับชาวนาไงล่ะค่ะ..พ่อพาชาวนาไปรู้จักกับท่าข้าวโดยตรงเลย โดยไม่ผ่านบริษัทอีก ชาวนาก็ได้ราคาตรงจากท่าข้าวเลย ชาวนาก็รู้สึกดี..และหากชาวนาคนไหนไม่มีรถขนข้าว พ่อก็จะอาสาขนให้แทน ขอแค่ค่าน้ำมันรถเป็นกิโลๆไป หลังจากได้เงินที่ขายข้าวได้แล้ว คราวนี้ ชาวนาจึงเรียกแต่รถของพ่อ จากรถกระบะเก่าๆแค่คันเดียว ทำจนมีรถสิบล้อ หกล้อ สำหรับขนข้าว หลายสิบคัน ..และถ้าหากชาวนาคนไหนขอความช่วยเหลือไม่มีเงินลงปุ๋ย ลงยา พ่อก็จะซื้อให้ไปก่อน ( จะไม่ให้เป็นตัวเงิน เพราะเหตุผลที่ว่าถ้าให้เป็นเงินคงอาจจะไม่ได้เอาไปซื้อปุ๋ย..แต่จะเอาไปไหนผู้อ่านก็ลองคิดเอาน่ะค่ะ) ...ทำจนบริษัทปุ๋ยเอาเครติตมาให้และให้เปอร์เซ็นต์ จากการลงปุ๋ยอีกด้วย

 ..หลังจากเก็บเกี่ยวได้ชาวนาก็ค่อยนำเงินมาคืน ชาวนาจึงไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากเงินกู้นอกระบบอีก ทำให้ชาวนาปลดหนี้ได้  จึงทำให้เป็นที่รักของชาวนาในระแวกนั้นเป็นอย่างมาก แน่นอนไม่ต้องบอกอีกเลยว่า พ่อได้ยึดพื้นที่จากบริษัทนั้นคืนได้ทั้งหมดแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์  (อ๋อ..เพราะความมีคุณธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น และสุจริตในอาชีพที่ทำนั้นเอง จึงร่ำรวยขึ้น..ผู้เขียนคิดในใจอีกแล้ว ) ต้องไปแล้วครับ ..ชาวนาเรียกแล้ว ต้องรีบไปรับใช้แล้วครับ...ค่ะๆๆ  ขอบคุณมากน่ะค่ะที่เล่าให้ฟัง ได้ข้อคิดดีๆมากค่ะ ขอบอกต่อน่ะค่ะ ..ครับๆๆ..สวัสดีครับ..

ต้นข้าว

เครดิตภาพโดย:  https://www.pexels.com/th-th/@sergei-akulich-1322276

                  ผู้เขียนคิดว่า การพูดคุยในครั้งนี้ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนได้แง่คิดดีๆอะไรมาเยอะน่ะค่ะ ..อย่างน้อย ถ้าคนที่เป็นอาชีพนักขาย ก็อย่ามุ่งแต่เรื่องการขาย เพื่อหาแต่กำไร  ตัวเงิน และผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีการนำเสนอ  หรือเปลี่ยนจากวิธีการรับ มาเป็นการให้บ้าง บางทีท่านจะค้นพบว่าการให้ของท่านนั้นแหละคือการรับของท่านนั้นเอง

                 ผู้เขียนต้องขอขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อที่เล่าประสบการณ์เรื่องนี้ให้กับผู้เขียนฟัง และยังสามารถเป็นข้อคิดให้กับผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย และผู้เขียนหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ (ฝากกดไลท์ กดแชร์ให้ด้วยน่ะค่ะ )

ขนมดอกจอกหมูไม่หมู โดยดีดี , ลัดเลาะเข้าป่าตามหาตลาดน้ำ โดยดีดี

เที่ยววัดพระธาตุดอยพระฌาน โดยดีดี , บราวนี่แต่งหน้าน่ารักสไตล์คุณ



https://www.facebook.com/นานาสาระดี-100890145441864/

https://www.facebook.com/profile.php?id=100002605843604

https://nanasardd.blogspot.com/2021/04/blog-post.html

ความคิดเห็น